ส่วนผสม (2 คนรับประทาน)
ตังโอ๋ 150 กรัม
น้ำมันพืช 2 ถ้วย
เนื้อปลากะพงหั่นพอคำ 6 ชิ้น
น้ำหรือน้ำสต๊อกหมู 3 ช้อนโต๊ะ
ซีอิ๊วขาว 1 ช้อนชา
ซอสปรุงรส 1 ช้อนชา
น้ำมันหอย 1 ช้อนชา
น้ำตาลทราย 1/4 ช้อนชา
กระเทียมสับหยาบ 1 ช้อนโต๊ะ
พริกไทยป่น 1/4 ช้อนชา
วิธีทำ
ล้างตังโอ๋ทั้งต้นให้สะอาด พักไว้ตั้งกระทะน้ำมันบนไฟกลางจนร้อน ใส่เนื้อปลาลงทอดพอสุกเหลือง ตักขึ้นวางบนกระดาษซับน้ำมันเตรียมตังโอ๋ น้ำหรือน้ำสต๊อกหมู ซีอิ๊วขาว ซอสปรุงรส น้ำมันหอย น้ำตาล และปลาทอด ใส่จานเดียวกัน เตรียมไว้ตักน้ำมันที่ทอดปลาออกให้เหลือประมาณ 2 ช้อนโต๊ะ ใส่กระเทียมลงเจียวพอใกล้เหลือง ใส่เครื่องที่เตรียมไว้ เร่งเป็นไฟแรง ผัดอย่างเร็วพอผักยุบตัวและสุก ปิดไฟตักใส่ถ้วย โรยพริกไทย เสิร์ฟร้อนๆ
บทความจาก : นิตยสาร ครัว
Showing posts with label Thai food. Show all posts
Showing posts with label Thai food. Show all posts
Wednesday, November 3, 2010
สูตรอาหาร : ยำหอยนางรมแบบแช่น้ำปลา
ส่วนผสม (สำหรับ 3–4 ที่)
หอยนางรมสด 200 กรัม
น้ำปลา 2 ช้อนโต๊ะ
น้ำมะนาว 2 ช้อนโต๊ะ
น้ำตาลทรายชนิดไม่ฟอก 1/2 ช้อนชา
เกลือ 1/4 ช้อนชา
พริกขี้หนูสวนสีเขียวและสีแดงหั่น 15 เม็ด
มะระจีนหั่นแว่นบาง 1/2 ถ้วย
กระเทียมกลีบใหญ่ซอย 1/4 ถ้วย
สะระแหน่เด็ดใบ 1/2 ถ้วย
ผงวาซาบิ (ละลายกับน้ำเย็นจัด 1 ช้อนโต๊ะ) 1 ช้อนชา
วิธีทำ
ล้างหอยนางรมให้สะอาด ใส่พักในตะแกรงให้สะเด็ดน้ำ นำเข้าแช่ในตู้เย็นช่องธรรมดาทำน้ำยำโดยผสมน้ำปลา น้ำมะนาว น้ำตาล และเกลือ เข้าด้วยกันในถ้วยจนน้ำตาลละลาย ใส่พริกขี้หนู คนพอทั่ว นำเข้าแช่ในตู้เย็นช่องธรรมดาใส่มะระ กระเทียม ใบสะระแหน่ลงในจาน ปิดพลาสติก wrap นำเข้าแช่ในตู้เย็นช่องธรรมดาจนเย็นวิธีจัดเสิร์ฟ ใส่หอยนางรมลงในอ่างผสม ใส่น้ำยำที่ผสมกับวาซาบิจนเข้ากันดี (ใส่วาซาบิทีหลังจึงจะมีรสเผ็ดฉุนดี) มะระ และกระเทียม คลุกเคล้าพอทั่ว ใส่ใบสะระแหน่ ตักใส่ถ้วยหรือชาม เสิร์ฟ
หอยนางรมสด 200 กรัม
น้ำปลา 2 ช้อนโต๊ะ
น้ำมะนาว 2 ช้อนโต๊ะ
น้ำตาลทรายชนิดไม่ฟอก 1/2 ช้อนชา
เกลือ 1/4 ช้อนชา
พริกขี้หนูสวนสีเขียวและสีแดงหั่น 15 เม็ด
มะระจีนหั่นแว่นบาง 1/2 ถ้วย
กระเทียมกลีบใหญ่ซอย 1/4 ถ้วย
สะระแหน่เด็ดใบ 1/2 ถ้วย
ผงวาซาบิ (ละลายกับน้ำเย็นจัด 1 ช้อนโต๊ะ) 1 ช้อนชา
วิธีทำ
ล้างหอยนางรมให้สะอาด ใส่พักในตะแกรงให้สะเด็ดน้ำ นำเข้าแช่ในตู้เย็นช่องธรรมดาทำน้ำยำโดยผสมน้ำปลา น้ำมะนาว น้ำตาล และเกลือ เข้าด้วยกันในถ้วยจนน้ำตาลละลาย ใส่พริกขี้หนู คนพอทั่ว นำเข้าแช่ในตู้เย็นช่องธรรมดาใส่มะระ กระเทียม ใบสะระแหน่ลงในจาน ปิดพลาสติก wrap นำเข้าแช่ในตู้เย็นช่องธรรมดาจนเย็นวิธีจัดเสิร์ฟ ใส่หอยนางรมลงในอ่างผสม ใส่น้ำยำที่ผสมกับวาซาบิจนเข้ากันดี (ใส่วาซาบิทีหลังจึงจะมีรสเผ็ดฉุนดี) มะระ และกระเทียม คลุกเคล้าพอทั่ว ใส่ใบสะระแหน่ ตักใส่ถ้วยหรือชาม เสิร์ฟ
ป้ายกำกับ:
Thai food
สูตรอาหาร : ไก่ผัดเม็ดมะม่วง
ส่วนผสม
เนื้อสันในไก่ 300 กรัม
เม็ดมะม่วงหิมพานต์ทอดกรอบ 1/2 ถ้วยตวง
พริกแห้งเม็ดใหญ่ 5 เม็ด
เห็ดฟาง 50 กรัม
ต้นหอม 2 ต้น
แป้งสาลีนิดหน่อย
น้ำมันสำหรับทอด
น้ำมันหอย 2 ช้อนโต๊ะ
น้ำมันงา 1/2 ช้อนชา
กระเทียมสับ 1 ช้อนโต๊ะ
ซีอิ๊วขาว
น้ำปลา
น้ำตาล
น้ำมันสำหรับผัด
วิธีทำ
1.เนื้อไก่ล้างให้สะอาด หั่นเป็นชิ้นพอคำ นำไปเคล้ากับแป้งสาลี เคาะแป้งสาลีออกบ้าง นำไปทอดพอเหลืองตักขึ้นพักไว้
2.พริกแห้งทอดให้เหลืองกรอบหั่นเป็นท่อนๆ เห็ดฟางปอกส่วนที่ดำออก ผ่าครึ่งลวกพอสุก ต้นหอมหั่นเป็นท่อน เม็ดมะม่วงทอดให้เหลืองกรอบ
3.กระทะตั้งไฟใส่น้ำมันและกระเทียมสับลงผัดให้เหลือง ใส่เนื้อไก่ที่ทอดไว้ลงผัด ใส่น้ำมันหอยเติมน้ำเล็กน้อย ใช้ไฟค่อนข้างแรง ปรุงรสด้วยซีอิ๊วขาว น้ำปลา น้ำตาล ใส่เห็ดผัดให้เข้ากัน ใส่ต้นหอม เม็ดมะม่วงหิมพานต์ทอด พริกทอด ปิดไฟผัดให้เข้ากัน ตักใส่จานเสิร์ฟ
บทความจาก : pop.co.th
เนื้อสันในไก่ 300 กรัม
เม็ดมะม่วงหิมพานต์ทอดกรอบ 1/2 ถ้วยตวง
พริกแห้งเม็ดใหญ่ 5 เม็ด
เห็ดฟาง 50 กรัม
ต้นหอม 2 ต้น
แป้งสาลีนิดหน่อย
น้ำมันสำหรับทอด
น้ำมันหอย 2 ช้อนโต๊ะ
น้ำมันงา 1/2 ช้อนชา
กระเทียมสับ 1 ช้อนโต๊ะ
ซีอิ๊วขาว
น้ำปลา
น้ำตาล
น้ำมันสำหรับผัด
วิธีทำ
1.เนื้อไก่ล้างให้สะอาด หั่นเป็นชิ้นพอคำ นำไปเคล้ากับแป้งสาลี เคาะแป้งสาลีออกบ้าง นำไปทอดพอเหลืองตักขึ้นพักไว้
2.พริกแห้งทอดให้เหลืองกรอบหั่นเป็นท่อนๆ เห็ดฟางปอกส่วนที่ดำออก ผ่าครึ่งลวกพอสุก ต้นหอมหั่นเป็นท่อน เม็ดมะม่วงทอดให้เหลืองกรอบ
3.กระทะตั้งไฟใส่น้ำมันและกระเทียมสับลงผัดให้เหลือง ใส่เนื้อไก่ที่ทอดไว้ลงผัด ใส่น้ำมันหอยเติมน้ำเล็กน้อย ใช้ไฟค่อนข้างแรง ปรุงรสด้วยซีอิ๊วขาว น้ำปลา น้ำตาล ใส่เห็ดผัดให้เข้ากัน ใส่ต้นหอม เม็ดมะม่วงหิมพานต์ทอด พริกทอด ปิดไฟผัดให้เข้ากัน ตักใส่จานเสิร์ฟ
บทความจาก : pop.co.th
ป้ายกำกับ:
Thai food
สูตรอาหาร : ไก่อบน้ำผึ้ง
ส่วนผสม
สะโพกไก่ประมาณ ๘ ชิ้น
ซีอิ๊วขาว ครึ่งถ้วย
น้ำผึ้งครึ่งถ้วยเนย ๑/๔ ถ้วย
กระเทียมสับ ๒กลีบ
น้ำสุกนิดหน่อย
น้องแซมบอกว่า ฝานขิงบางๆใส่ด้วย ถ้าหากชอบ
ส่วนไก่เอาส้อมจิ้มๆหน่อย..ซ้อสจะได้ซึมเข้าเนื้อ
วิธีทำ
เอาส่วนผสมทุกอย่างใส่หม้อ ตั้งไฟให้เดือดคนจนเข้ากัน ลดไฟอ่อนทิ้งไว้ห้านาทีเอาไก่ใส่ชาม อบ ๑๙0 องศาC นาน ๑๕ นาที เอาน้ำซ้อสที่ได้ราดบนไก่ แล้วอบต่อ คอยกลับด้าน จนกว่าจะสุก หรือถ้าขี้เกียจ ไม่ต้องอบใส่กระทะทอดไก่ แล้วเอาน้ำราด ปิดฝาตั้งไฟ อบจนกว่าจะสุก
บทความจาก : 9leang.com
สะโพกไก่ประมาณ ๘ ชิ้น
ซีอิ๊วขาว ครึ่งถ้วย
น้ำผึ้งครึ่งถ้วยเนย ๑/๔ ถ้วย
กระเทียมสับ ๒กลีบ
น้ำสุกนิดหน่อย
น้องแซมบอกว่า ฝานขิงบางๆใส่ด้วย ถ้าหากชอบ
ส่วนไก่เอาส้อมจิ้มๆหน่อย..ซ้อสจะได้ซึมเข้าเนื้อ
วิธีทำ
เอาส่วนผสมทุกอย่างใส่หม้อ ตั้งไฟให้เดือดคนจนเข้ากัน ลดไฟอ่อนทิ้งไว้ห้านาทีเอาไก่ใส่ชาม อบ ๑๙0 องศาC นาน ๑๕ นาที เอาน้ำซ้อสที่ได้ราดบนไก่ แล้วอบต่อ คอยกลับด้าน จนกว่าจะสุก หรือถ้าขี้เกียจ ไม่ต้องอบใส่กระทะทอดไก่ แล้วเอาน้ำราด ปิดฝาตั้งไฟ อบจนกว่าจะสุก
บทความจาก : 9leang.com
ป้ายกำกับ:
Thai food
สูตรอาหาร : ปลาเก๋าสามรส
ส่วนผสม
ปลาเก๋าขนาดใหญ่ 1 ตัว
พริกชี้ฟ้าแดง-เหลืองกระเทียมซอย 1 ช้อนโต๊ะ
น้ำปลา 2 ช้อนโต๊ะ
น้ำมะขามเปียก 2 ช้อนโต๊ะ
น้ำตาลปี๊บ 1 ช้อนโต๊ะ
น้ำมันพืชสำหรับผัดและทอดปลา 1 ถ้วย
คึ่นฉ่ายหั่นเป็นท่อนๆ 1/4 ถ้วย
ใบมะกรูดหั่นฝอย 2 ใบ
วิธีทำ
ขอดเกล็ดปลา ควักเครื่องในออก ล้างให้สะอาด ใช้มีดบั้งแต่พองามนำพริกชี้ฟ้า กระเทียม ใส่ครกโขลกพอแหลกใส่น้ำมันลงในกระทะตั้งไฟให้ร้อน ทอดปลาให้เหลืองกรอบ ตักขึ้นพักไว้ให้สะเด็ดน้ำมันใส่น้ำมันลงในกระทะตั้งไฟให้ร้อน ใส่เครื่องที่โขลกเอาไว้ ใส่ใบมะกรูดหั่นฝอยตามลงไป ผัดจนมีกลิ่นหอมปรุงรสด้วยน้ำปลา น้ำตาล น้ำมะขามเปียกข้นๆ เสร็จแล้วนำไปราดบนตัวปลา โรยหน้าด้วยคึ่นฉ่าย พร้อมเสิร์ฟ
บทความจาก : หนังสือครัวสยาม
ปลาเก๋าขนาดใหญ่ 1 ตัว
พริกชี้ฟ้าแดง-เหลืองกระเทียมซอย 1 ช้อนโต๊ะ
น้ำปลา 2 ช้อนโต๊ะ
น้ำมะขามเปียก 2 ช้อนโต๊ะ
น้ำตาลปี๊บ 1 ช้อนโต๊ะ
น้ำมันพืชสำหรับผัดและทอดปลา 1 ถ้วย
คึ่นฉ่ายหั่นเป็นท่อนๆ 1/4 ถ้วย
ใบมะกรูดหั่นฝอย 2 ใบ
วิธีทำ
ขอดเกล็ดปลา ควักเครื่องในออก ล้างให้สะอาด ใช้มีดบั้งแต่พองามนำพริกชี้ฟ้า กระเทียม ใส่ครกโขลกพอแหลกใส่น้ำมันลงในกระทะตั้งไฟให้ร้อน ทอดปลาให้เหลืองกรอบ ตักขึ้นพักไว้ให้สะเด็ดน้ำมันใส่น้ำมันลงในกระทะตั้งไฟให้ร้อน ใส่เครื่องที่โขลกเอาไว้ ใส่ใบมะกรูดหั่นฝอยตามลงไป ผัดจนมีกลิ่นหอมปรุงรสด้วยน้ำปลา น้ำตาล น้ำมะขามเปียกข้นๆ เสร็จแล้วนำไปราดบนตัวปลา โรยหน้าด้วยคึ่นฉ่าย พร้อมเสิร์ฟ
บทความจาก : หนังสือครัวสยาม
ป้ายกำกับ:
Thai food
สูตรอาหาร : ยำปลาตัวเล็ก
ส่วนผสม
ปลาตัวเล็กแห้งทอดกรอบ (ปลาน้ำจืดหรือน้ำเค็มก็ได้) 1 ถ้วย
มะม่วงดิบซอย 1 1/2 ถ้วย
น้ำตาทราย 2 ช้อนโต๊ะ
น้ำปลา 2 ช้อนโต๊ะ
น้ำมะนาว 1 ช้อนโต๊ะ
หอมแดงซอย 1/4 ถ้วย
พริกขี้หนูสวนซอย 9–10 เม็ด
น้ำมันพืช 1 ช้อนโต๊ะ
วิธีทำ
นำปลาไปทอดให้เหลืองกรอบ ตักขึ้นพักไว้ให้สะเด็ดน้ำมันผสมน้ำปลา น้ำมะนาว น้ำตาล ในชาม คนจนน้ำตาลละลาย พักไว้จัดมะม่วงซอย พริกขี้หนู ปลาทอดกรอบใส่ชามตักน้ำยำราด คนให้เข้ากันตักใส่จาน โรยหน้าด้วยหอมแดงซอย พร้อมเสิร์ฟ
ปลาตัวเล็กแห้งทอดกรอบ (ปลาน้ำจืดหรือน้ำเค็มก็ได้) 1 ถ้วย
มะม่วงดิบซอย 1 1/2 ถ้วย
น้ำตาทราย 2 ช้อนโต๊ะ
น้ำปลา 2 ช้อนโต๊ะ
น้ำมะนาว 1 ช้อนโต๊ะ
หอมแดงซอย 1/4 ถ้วย
พริกขี้หนูสวนซอย 9–10 เม็ด
น้ำมันพืช 1 ช้อนโต๊ะ
วิธีทำ
นำปลาไปทอดให้เหลืองกรอบ ตักขึ้นพักไว้ให้สะเด็ดน้ำมันผสมน้ำปลา น้ำมะนาว น้ำตาล ในชาม คนจนน้ำตาลละลาย พักไว้จัดมะม่วงซอย พริกขี้หนู ปลาทอดกรอบใส่ชามตักน้ำยำราด คนให้เข้ากันตักใส่จาน โรยหน้าด้วยหอมแดงซอย พร้อมเสิร์ฟ
ป้ายกำกับ:
Thai food
สูตรอาหาร : ต้มโคล้งปลาดุกย่าง
ส่วนผสม
ปลาดุกย่างตัวขนาดกลาง (หั่นเป็นชิ้นพอเหมาะ) 1 ตัว
หอมแดงคั่วบุบพอแตก 3 หัว
พริกแห้งคั่วหั่นเป็นแว่น 3 เม็ด
ตะไคร้ตัดเป็นท่อน 2 ต้น
ใบมะกรูดฉีก 3 ใบ
น้ำมะขามเปียก 2 ช้อนโต๊ะ
น้ำปลา 3 ช้อนโต๊ะ
น้ำเปล่า 2 ถ้วย
ผักชีฝรั่งหั่นเป็นท่อน 3 ใบ
วิธีทำ
ตักน้ำใส่หม้อตั้งไฟให้เดือด ใส่หัวหอม ตะไคร้ ใบมะกรูดลงไป ตามด้วยปลาดุกที่ย่างเตรียมไว้ปรุงรสด้วยน้ำปลา น้ำมะขามเปียกข้นๆ น้ำมะนาว ใส่พริกแห้ง โรยหน้าด้วยผักชีฝรั่ง ยกลงจากเตา ตักใส่ชาม เสริ์ฟร้อนๆ
ปลาดุกย่างตัวขนาดกลาง (หั่นเป็นชิ้นพอเหมาะ) 1 ตัว
หอมแดงคั่วบุบพอแตก 3 หัว
พริกแห้งคั่วหั่นเป็นแว่น 3 เม็ด
ตะไคร้ตัดเป็นท่อน 2 ต้น
ใบมะกรูดฉีก 3 ใบ
น้ำมะขามเปียก 2 ช้อนโต๊ะ
น้ำปลา 3 ช้อนโต๊ะ
น้ำเปล่า 2 ถ้วย
ผักชีฝรั่งหั่นเป็นท่อน 3 ใบ
วิธีทำ
ตักน้ำใส่หม้อตั้งไฟให้เดือด ใส่หัวหอม ตะไคร้ ใบมะกรูดลงไป ตามด้วยปลาดุกที่ย่างเตรียมไว้ปรุงรสด้วยน้ำปลา น้ำมะขามเปียกข้นๆ น้ำมะนาว ใส่พริกแห้ง โรยหน้าด้วยผักชีฝรั่ง ยกลงจากเตา ตักใส่ชาม เสริ์ฟร้อนๆ
ป้ายกำกับ:
Thai food
สูตรอาหาร : น้ำพริกไข่เค็ม
ส่วนผสม
ไข่เค็ม 3 ฟอง
มะนาว 3 ลูก
พริกขี้หนูสวน 8–10 เม็ด
กระเทียม
น้ำปลา
น้ำตาลปี๊บ
มะเขือพวง
ผักสดใช้แกล้มตามใจชอบ เช่น มะเขือม่วง แตงกวา กะหล่ำปลีนึ่ง มะระขี้นก
วิธีทำ
นำไข่เค็มสุกมาปอกเปลือก แยกไข่แดง ไข่ขาว เสร็จแล้วก็พักไว้นำพริก กระเทียมมาโขลก ตามด้วยไข่ขาว พอได้ที่แล้วก็นำขึ้นมาใส่ถ้วยปรุงรสด้วยมะนาว น้ำตาลปี๊บ น้ำปลานิดหน่อย ตามด้วยมะเขือพวงโขลก ปิดท้ายด้วยไข่แดง เสิร์ฟพร้อม ผักสด
ไข่เค็ม 3 ฟอง
มะนาว 3 ลูก
พริกขี้หนูสวน 8–10 เม็ด
กระเทียม
น้ำปลา
น้ำตาลปี๊บ
มะเขือพวง
ผักสดใช้แกล้มตามใจชอบ เช่น มะเขือม่วง แตงกวา กะหล่ำปลีนึ่ง มะระขี้นก
วิธีทำ
นำไข่เค็มสุกมาปอกเปลือก แยกไข่แดง ไข่ขาว เสร็จแล้วก็พักไว้นำพริก กระเทียมมาโขลก ตามด้วยไข่ขาว พอได้ที่แล้วก็นำขึ้นมาใส่ถ้วยปรุงรสด้วยมะนาว น้ำตาลปี๊บ น้ำปลานิดหน่อย ตามด้วยมะเขือพวงโขลก ปิดท้ายด้วยไข่แดง เสิร์ฟพร้อม ผักสด
ป้ายกำกับ:
Thai food
สูตรอาหาร : เมี่ยงเห็ด
ส่วนผสม
เห็ดฟาง (เห็ดนางรมหรือเป๋าฮื้อ) 1 1/2 ขีด
เห็ดหอมแช่น้ำหั่นสี่เหลี่ยม 1/4 ถ้วยน้ำมัน 2 ช้อนโต๊ะ
กระเทียมสับ 2 ช้อนโต๊ะ
ซีอิ้วขาว 1 ช้อนโต๊ะ
ซอสปรุงรส 1 ช้อนโต๊ะ
น้ำตาลทราย 1–2 ช้อนชา
พริกไทย 1/2 ช้อนชา
พริกชี้ฟ้าหั่นสี่เหลี่ยม 1/2 ช้อนชา
ผักกาดแก้วหรือผักกาดหอม
วิธีทำ
ล้างเห็ดให้สะอาด แล้วหั่นสี่เหลี่ยมนำกระทะตั้งไฟ ใส่น้ำมันและกระเทียมลงผัดให้หอม ใส่เห็ดหอมลงผัดจนหอม ใส่เห็ดฟางผัดพอสุกปรุงรสด้วยซีอิ้วขาว ซอสปรุงรส น้ำตาลทาย พริกไทย ผัดให้เข้ากันโรยพริกชี้ฟ้าหั่น ตักใส่จาน เสิร์ฟพร้อมกับผักกาดแก้วตัดเป็นใบๆ หรือจะตักใส่ในผักกาดแก้ว เสิร์ฟเป็นคำๆ ก็ได้
เห็ดฟาง (เห็ดนางรมหรือเป๋าฮื้อ) 1 1/2 ขีด
เห็ดหอมแช่น้ำหั่นสี่เหลี่ยม 1/4 ถ้วยน้ำมัน 2 ช้อนโต๊ะ
กระเทียมสับ 2 ช้อนโต๊ะ
ซีอิ้วขาว 1 ช้อนโต๊ะ
ซอสปรุงรส 1 ช้อนโต๊ะ
น้ำตาลทราย 1–2 ช้อนชา
พริกไทย 1/2 ช้อนชา
พริกชี้ฟ้าหั่นสี่เหลี่ยม 1/2 ช้อนชา
ผักกาดแก้วหรือผักกาดหอม
วิธีทำ
ล้างเห็ดให้สะอาด แล้วหั่นสี่เหลี่ยมนำกระทะตั้งไฟ ใส่น้ำมันและกระเทียมลงผัดให้หอม ใส่เห็ดหอมลงผัดจนหอม ใส่เห็ดฟางผัดพอสุกปรุงรสด้วยซีอิ้วขาว ซอสปรุงรส น้ำตาลทาย พริกไทย ผัดให้เข้ากันโรยพริกชี้ฟ้าหั่น ตักใส่จาน เสิร์ฟพร้อมกับผักกาดแก้วตัดเป็นใบๆ หรือจะตักใส่ในผักกาดแก้ว เสิร์ฟเป็นคำๆ ก็ได้
ป้ายกำกับ:
Thai food,
อาหารมังสวิรัติ
สูตรอาหาร : น้ำพริกคั่วทูน่า
ส่วนผสม
ทูน่าในน้ำมันพืช 2 กระป๋อง
พริกแห้งหั่นฝอย 1 ถ้วย
กระเทียมปอกเปลือกซอยขวาง 1/2 ถ้วย
หัวหอมปอกเปลือกซอยตามขวาง 1/2 ถ้วย
ถั่วลิสงคั่วหั่นฝอย 1/2 ถ้วย
น้ำมะขามเปียกคั้นข้นๆ 1/4 ถ้วย
น้ำตาลปี๊บ 1/3 ถ้วย
เกลือป่น 2 1/2–3 ช้อนชา
วิธีทำ
เปิดกระป๋องทูน่าในน้ำมันพืชเทน้ำมันออกบ้าง นำทูน่าใส่กระทะตั้งไฟคั่วจนกรอบพริกแห้งหั่นฝอยไม่เอาเม็ด คั่วไฟอ่อนจนกรอบตักขึ้นพักไว้เทน้ำมันใส่กระทะ 1/2 ถ้วย ตั้งไฟพอร้อน เอากระเทียมเจียวจนเหลือง ตักขึ้นให้สะเด็ดน้ำมัน แล้วเจียวหัวหอมจนเหลืองเช่นเดียวกันเอามะขามเปียกผสมกับน้ำตาลปี๊บ เกลือป่น ตั้งไฟให้เดือดพล่านสัก 2 นาที แล้วยกลงพักไว้พออุ่นผสมปลาทูน่า พริกแห้ง กระเทียม หัวหอม ถั่วลิสง คนให้เข้ากันรับประทานกับผักสด คลุกข้าว หรือทาขนมปังก็ได้
ทูน่าในน้ำมันพืช 2 กระป๋อง
พริกแห้งหั่นฝอย 1 ถ้วย
กระเทียมปอกเปลือกซอยขวาง 1/2 ถ้วย
หัวหอมปอกเปลือกซอยตามขวาง 1/2 ถ้วย
ถั่วลิสงคั่วหั่นฝอย 1/2 ถ้วย
น้ำมะขามเปียกคั้นข้นๆ 1/4 ถ้วย
น้ำตาลปี๊บ 1/3 ถ้วย
เกลือป่น 2 1/2–3 ช้อนชา
วิธีทำ
เปิดกระป๋องทูน่าในน้ำมันพืชเทน้ำมันออกบ้าง นำทูน่าใส่กระทะตั้งไฟคั่วจนกรอบพริกแห้งหั่นฝอยไม่เอาเม็ด คั่วไฟอ่อนจนกรอบตักขึ้นพักไว้เทน้ำมันใส่กระทะ 1/2 ถ้วย ตั้งไฟพอร้อน เอากระเทียมเจียวจนเหลือง ตักขึ้นให้สะเด็ดน้ำมัน แล้วเจียวหัวหอมจนเหลืองเช่นเดียวกันเอามะขามเปียกผสมกับน้ำตาลปี๊บ เกลือป่น ตั้งไฟให้เดือดพล่านสัก 2 นาที แล้วยกลงพักไว้พออุ่นผสมปลาทูน่า พริกแห้ง กระเทียม หัวหอม ถั่วลิสง คนให้เข้ากันรับประทานกับผักสด คลุกข้าว หรือทาขนมปังก็ได้
ป้ายกำกับ:
Thai food
สูตรอาหาร : สามเกลอผัดขิง
ส่วนผสม
เห็ดหูหนูดำหั่นเป็นเส้น 1/2 ถ้วย
เห็ดหูหนูขาวหั่นเป็นชิ้น 2 ดอก
เห็ดฟางหั่นตามยาว 1/2 ถ้วย
ขิงซอย 1/4 ถ้วยซีอิ้วขาว 1 1/2 ถ้วย
น้ำตาลทราย 1 ช้อนชา
กระเทียมสับ 1 1/2 ช้อนโต๊ะ
น้ำมันสำหรับผัดพอประมาณ
วิธีทำ
ลวกเห็ดหูหนูดำ เห็ดหูหนูขาว เห็ดฟาง แล้วพักไว้เทน้ำมันใส่กระทะ ตามด้วย กระเทียมสับ เจียวให้เหลืองแล้วนำขิงซอยลงผัดตามด้วยเครื่องปรุง ซีอิ้วขาว ซอสปรุงรส น้ำตาลทราย แล้วใส่เห็ดผัดให้เข้ากัน ปิดไฟตักใส่จาน พร้อมเสิร์ฟ
เห็ดหูหนูดำหั่นเป็นเส้น 1/2 ถ้วย
เห็ดหูหนูขาวหั่นเป็นชิ้น 2 ดอก
เห็ดฟางหั่นตามยาว 1/2 ถ้วย
ขิงซอย 1/4 ถ้วยซีอิ้วขาว 1 1/2 ถ้วย
น้ำตาลทราย 1 ช้อนชา
กระเทียมสับ 1 1/2 ช้อนโต๊ะ
น้ำมันสำหรับผัดพอประมาณ
วิธีทำ
ลวกเห็ดหูหนูดำ เห็ดหูหนูขาว เห็ดฟาง แล้วพักไว้เทน้ำมันใส่กระทะ ตามด้วย กระเทียมสับ เจียวให้เหลืองแล้วนำขิงซอยลงผัดตามด้วยเครื่องปรุง ซีอิ้วขาว ซอสปรุงรส น้ำตาลทราย แล้วใส่เห็ดผัดให้เข้ากัน ปิดไฟตักใส่จาน พร้อมเสิร์ฟ
ป้ายกำกับ:
Thai food,
อาหารมังสวิรัติ
สูตรอาหาร : ยำปลากะพงกับเต้าเจี้ยว
ส่วนผสม
เนื้อปลากะพงแล่หั่นเป็นชิ้น 1 ถ้วย
เต้าเจี้ยวดำ 2 1/2 ช้อนโต๊ะ
น้ำมะนาว 2 ช้อนโต๊ะ
น้ำตาลทราย 2 ช้อนโต๊ะ
พริกขี้หนู 1 ช้อนชา
ขิงซอย 1/4 ถ้วย
คึ่นช่ายหั่นเป็นท่อน 1 ถ้วย
หอมแดงซอย 2 ช้อนโต๊ะ
กระเทียมเจียว 1 ช้อนโต๊ะ
วิธีทำ
เทน้ำเปล่าใส่หม้อ 1 1/2 ถ้วย ตั้งไฟให้เดือดพล่าน นำตะไคร้ 1 ต้น ทุบลงไปต้มด้วย ใส่มะนาวลงไป 2 ช้อนชา แล้วนำปลากะพงลงไปลวก พอปลาสุก ก็ตักขึ้นให้สะเด็ดน้ำ
ทำน้ำยำ ผสมเต้าเจี้ยวดำ น้ำมะนาว น้ำตาลทราย พริกขี้หนูหั่น คนให้เข้ากัน ชิมรสให้เค็มเปรี้ยวเผ็ดหวาน
นำเนื้อปลากะพงที่ลวกแล้ว คลุกเคล้ากับกระเทียมเจียว ใส่จานพร้อม ขิงซอย คึ่นช่าย หอมแดงซอยราดด้วยน้ำยำ พร้อมเสิร์ฟ
บทความจาก : หนังสือ กินไม่อ้วน
เนื้อปลากะพงแล่หั่นเป็นชิ้น 1 ถ้วย
เต้าเจี้ยวดำ 2 1/2 ช้อนโต๊ะ
น้ำมะนาว 2 ช้อนโต๊ะ
น้ำตาลทราย 2 ช้อนโต๊ะ
พริกขี้หนู 1 ช้อนชา
ขิงซอย 1/4 ถ้วย
คึ่นช่ายหั่นเป็นท่อน 1 ถ้วย
หอมแดงซอย 2 ช้อนโต๊ะ
กระเทียมเจียว 1 ช้อนโต๊ะ
วิธีทำ
เทน้ำเปล่าใส่หม้อ 1 1/2 ถ้วย ตั้งไฟให้เดือดพล่าน นำตะไคร้ 1 ต้น ทุบลงไปต้มด้วย ใส่มะนาวลงไป 2 ช้อนชา แล้วนำปลากะพงลงไปลวก พอปลาสุก ก็ตักขึ้นให้สะเด็ดน้ำ
ทำน้ำยำ ผสมเต้าเจี้ยวดำ น้ำมะนาว น้ำตาลทราย พริกขี้หนูหั่น คนให้เข้ากัน ชิมรสให้เค็มเปรี้ยวเผ็ดหวาน
นำเนื้อปลากะพงที่ลวกแล้ว คลุกเคล้ากับกระเทียมเจียว ใส่จานพร้อม ขิงซอย คึ่นช่าย หอมแดงซอยราดด้วยน้ำยำ พร้อมเสิร์ฟ
บทความจาก : หนังสือ กินไม่อ้วน
ป้ายกำกับ:
Thai food
Monday, January 5, 2009
สูตรอาหารเจ : แกงจืดผักกาดเขียว
วันนี้ผมก็มีอีกหนึ่งสูตรอาหารเจมาฝากกันครับ ทำกันได้อย่างง่ายดายทุกครัวเรือนครับ
ส่วนประกอบ
ผักกาดเขียว 1 หัว
ถั่วลิสง 1 ขีด
พริกไทยป่น
ซีอิ้ว
ซุปก้อนรสผัก
วิธีทำ
ล้างผักกาดเขียวให้สะอาดนำถั่วลิสงลงหม้อต้มจนเกือบนิ่ม ใส่ซีอิ้ว แล้วตามด้วยพริกไทย สูตรนี้จะอร่อยถ้าใส่พริกไทยหนักๆ หน่อยครับบิผักกาดเขียวเป็นชิ้นๆ ตามลงไป ต้มจนเดือดแล้วยกลงถ้ากลัวไม่อร่อยพอ เพื่อนๆ อาจเติมซุปก้อนรสผักตอนกำลังต้มถั่วอยู่ลงไปด้วยก็ได้ครับ
บทความจาก : เว็บไซท์ members.tripod.com
ส่วนประกอบ
ผักกาดเขียว 1 หัว
ถั่วลิสง 1 ขีด
พริกไทยป่น
ซีอิ้ว
ซุปก้อนรสผัก
วิธีทำ
ล้างผักกาดเขียวให้สะอาดนำถั่วลิสงลงหม้อต้มจนเกือบนิ่ม ใส่ซีอิ้ว แล้วตามด้วยพริกไทย สูตรนี้จะอร่อยถ้าใส่พริกไทยหนักๆ หน่อยครับบิผักกาดเขียวเป็นชิ้นๆ ตามลงไป ต้มจนเดือดแล้วยกลงถ้ากลัวไม่อร่อยพอ เพื่อนๆ อาจเติมซุปก้อนรสผักตอนกำลังต้มถั่วอยู่ลงไปด้วยก็ได้ครับ
บทความจาก : เว็บไซท์ members.tripod.com
สูตรอาหารเจ : ผัดฟักทอง
สวัสดีครับ วันนี้ผมก็มีสูตรอาหารเจมาฝากกันอีก 1 สูตรนะครับ นั่นก็คือ ผัดฟักทองนั่นเองครับ
ส่วนผสม
ฟักทอง 1 ถ้วยเ
ต้าหู้ขาวอย่างแข็ง 1 ก้อน
พริกชี้ฟ้าสุก 1 เม็ด
ใบโหระพา 1 ถ้วย
ซีอิ๊วขาว 2 ช้อนโต๊ะ
ซอสถั่วเหลืองปรุงรส 1 ช้อนโต๊ะ
เกลือป่น 1 ช้อนชา
งาคั่ว 1 ช้อนโต๊ะ
วิธีทำ
หั่นฟักทองเป็นชิ้นเป็นคำโตหน่อย พริกชี้ฟ้าสุกหั่นแฉลบบี้เต้าหู้ขาวให้แหลกเจียวงาในน้ำมันร้อน ใส่เต้าหู้ขาวบี้ลงผัด ตามด้วยฟักทองเหยาะน้ำ เติมเครื่องปรุงใส่พริก ใบโหระพา พอเดือดสุกดีแล้วจึงตักไปเสิร์ฟ ข้อสำคัญอย่าคนนานฟักทองจะเละ
บทความจาก : เว็บไซท์ members.tripod.com
ส่วนผสม
ฟักทอง 1 ถ้วยเ
ต้าหู้ขาวอย่างแข็ง 1 ก้อน
พริกชี้ฟ้าสุก 1 เม็ด
ใบโหระพา 1 ถ้วย
ซีอิ๊วขาว 2 ช้อนโต๊ะ
ซอสถั่วเหลืองปรุงรส 1 ช้อนโต๊ะ
เกลือป่น 1 ช้อนชา
งาคั่ว 1 ช้อนโต๊ะ
วิธีทำ
หั่นฟักทองเป็นชิ้นเป็นคำโตหน่อย พริกชี้ฟ้าสุกหั่นแฉลบบี้เต้าหู้ขาวให้แหลกเจียวงาในน้ำมันร้อน ใส่เต้าหู้ขาวบี้ลงผัด ตามด้วยฟักทองเหยาะน้ำ เติมเครื่องปรุงใส่พริก ใบโหระพา พอเดือดสุกดีแล้วจึงตักไปเสิร์ฟ ข้อสำคัญอย่าคนนานฟักทองจะเละ
บทความจาก : เว็บไซท์ members.tripod.com
สูตรอาหารเจ : แกงเทโพ
สวัสดีวันเลือกตั้งผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานครครับ อย่าลืมออกไปใช้สิทธิ์ใช้เสียงของคนกรุงกันนะครับ หลังจากเลือกตั้งเสร็จก็มาทำแกงเทโพเจกันดีกว่าครับ
ส่วนผสม
ผักบุ้ง 2 กำ
เห็ดฟางหรือเห็ดนางฟ้า 1 ถ้วย
เต้าหู้ขาวอย่างแข็ง 1 แผ่น
ลูกมะกรูด 1 ลูก
น้ำมะขามเปียก 1/2 ถ้วย
น้ำมันพืช 1/2 ถ้วย
น้ำพริกแกงเผ็ด 2 ช้อนโต๊ะ
กะทิ 1/2 กิโลกรัม
เครื่องปรุง
ซีอิ้วขาว 2 ช้อนโต๊ะน้ำตาลปีบ 1 ช้อนโต๊ะเกลือป่น 2 ช้อนชาซอสถั่วเหลืองปรุงรส 2 ช้อนโต๊ะวิธีทำผักบุ้งหั่นเป็นท่อนยาว 2 นิ้ว เห็ดฟางผ่า 4 เต้าหู้ขาวหั่นเป็นท่อนสี่เหลี่ยมพอคำ ลูกมะกรูดปอกเปลือกผ่าครึ่ง ตั้งกระทะคั่วน้ำพริกเครื่องแกงในน้ำมันพืชพอหอมใส่น้ำกะทิตั้นรอจนเดือดใส่เห็ด ผักบุ้ง เต้าหู้ตามด้วยน้ำมะขามเติมเครื่องปรุงทุกอย่าง ชิมรสตามต้องการ ให้ออกเปรี้ยวหวานนิดหน่อย
บทความจาก : เว็บไซท์ members.tripod.com
ส่วนผสม
ผักบุ้ง 2 กำ
เห็ดฟางหรือเห็ดนางฟ้า 1 ถ้วย
เต้าหู้ขาวอย่างแข็ง 1 แผ่น
ลูกมะกรูด 1 ลูก
น้ำมะขามเปียก 1/2 ถ้วย
น้ำมันพืช 1/2 ถ้วย
น้ำพริกแกงเผ็ด 2 ช้อนโต๊ะ
กะทิ 1/2 กิโลกรัม
เครื่องปรุง
ซีอิ้วขาว 2 ช้อนโต๊ะน้ำตาลปีบ 1 ช้อนโต๊ะเกลือป่น 2 ช้อนชาซอสถั่วเหลืองปรุงรส 2 ช้อนโต๊ะวิธีทำผักบุ้งหั่นเป็นท่อนยาว 2 นิ้ว เห็ดฟางผ่า 4 เต้าหู้ขาวหั่นเป็นท่อนสี่เหลี่ยมพอคำ ลูกมะกรูดปอกเปลือกผ่าครึ่ง ตั้งกระทะคั่วน้ำพริกเครื่องแกงในน้ำมันพืชพอหอมใส่น้ำกะทิตั้นรอจนเดือดใส่เห็ด ผักบุ้ง เต้าหู้ตามด้วยน้ำมะขามเติมเครื่องปรุงทุกอย่าง ชิมรสตามต้องการ ให้ออกเปรี้ยวหวานนิดหน่อย
บทความจาก : เว็บไซท์ members.tripod.com
สูตรอาหารเจ : น้ำพริกกะปิ
สำหรับคนที่ชอบกินน้ำพริกกะปิอย่างกระผมนะครับ วันนี้ผมก็มีสูตรการทำน้ำพริกกะปิเจมาฝากครับ
ส่วนผสม
กะปิเจ 2 ช้อนโต๊ะ
งาขาวคั่ว 2 ช้อนโต๊ะ
พริกชี้ฟ้าแดง 2 เม็ดพริกชี้ฟ้าเขียว 1 เม็ด
พริกขี้หน 2 ช้อนชา
ซีอิ้วขาว 1/4 ถ้วย
น้ำมะนาว 1/4 ถ้วย
น้ำตาล 3 ช้อนโต๊ะ
วิธีทำ
ตัดพริกชี้ฟ้าเป็นท่อนๆ เม็ดหนึ่งตัด 3-4 ท่อน กะปิงาคั่ว ใส่ครกโขลกให้ละเอียด แล้วใส่พริกชี้ฟ้า ลงโขลกพอแตกใส่พริกขี้หนูบุบพอแตกแล้วจึงใส่ซีอิ้วขาว น้ำมะนาวและน้ำตาลคนจนเข้ากันดี น้ำพริกจิ้มอย่างใสนี้นิยมรับประทานกับผักสุก เช่น ผักต้มกะทิ ผักชุบแป้งทอด
บทความจาก : เว็บไซท์ members.tripod.com
ส่วนผสม
กะปิเจ 2 ช้อนโต๊ะ
งาขาวคั่ว 2 ช้อนโต๊ะ
พริกชี้ฟ้าแดง 2 เม็ดพริกชี้ฟ้าเขียว 1 เม็ด
พริกขี้หน 2 ช้อนชา
ซีอิ้วขาว 1/4 ถ้วย
น้ำมะนาว 1/4 ถ้วย
น้ำตาล 3 ช้อนโต๊ะ
วิธีทำ
ตัดพริกชี้ฟ้าเป็นท่อนๆ เม็ดหนึ่งตัด 3-4 ท่อน กะปิงาคั่ว ใส่ครกโขลกให้ละเอียด แล้วใส่พริกชี้ฟ้า ลงโขลกพอแตกใส่พริกขี้หนูบุบพอแตกแล้วจึงใส่ซีอิ้วขาว น้ำมะนาวและน้ำตาลคนจนเข้ากันดี น้ำพริกจิ้มอย่างใสนี้นิยมรับประทานกับผักสุก เช่น ผักต้มกะทิ ผักชุบแป้งทอด
บทความจาก : เว็บไซท์ members.tripod.com
Wednesday, December 10, 2008
Thai Food and Culture
In Thailand, food forms a central part of any social occasions—and vice versa. That is, food often becomes the social occasion in itself, or reason to celebrate. This is partly due to the friendly, social nature of Thai people, but also because of the way in which food is ordered and eaten in Thailand.
In the West, a “normal” restaurant meal consists of a starter followed by the main course and dessert, with each individual ordering only for him or herself. In Thailand, there is no such thing as a starter; neither is there any dish that belongs only to one person. As a general rule, Thai diners order the same number of dishes as people present; however, all dishes are shared and enjoyed together. For this reason, it is better to have many guests at the table rather than just one or two. In fact, many Thais believe that eating alone is bad luck.
After the meal is over, there is no such thing as dispensing with leftovers. Throwing food away enrages the Thai “god of rice”, a female deity who watches over the people, ensuring everyone has enough to eat. Bad luck or even widespread famine may then ensue.
A typical Thai meal includes four main seasonings: salty, sweet, sour, and spicy. Indeed, most Thai dishes are not considered satisfying unless they combine all four tastes. When eating out, a group of Thai diners would order a variety of meat and/or fish dishes, plus vegetables, a noodle dish, and possibly also soup. Dessert may consist simply of fresh fruit, such as pineapple, or something more exotic, such as colourful rice cakes, depending on the region. (For Thai main course recipes, see: Classic Thai Recipes. For Thai desserts, see: Thai Dessert Recipes.
Aside from meals, Thais are renowned “snackers”. It is easy to pick up a quick but delicious snack for mere pennies along the roadside or at marketplaces in Thailand. Popular snacks consist of spring rolls, chicken or beef satay, raw vegetables with a spicy dip, soups, salads, and sweets. (Recipes for these and more Thai snacks can be found at: Thai Soups, Salads, Snacks & Appetizers.
The formal presentation of food is another important aspect of Thai culture. Developed primarily in the palace to please the King of Siam, Thai food presentation is among the most exquisite in the world. Serving platters are decorated with all variety of carved vegetables and fruits into flowers and other pieces of beauty (see my Thai chili flower pictured above). Palace-style stir-fries include elegantly carved vegetables within the dish itself. For such artwork, Thai chefs use a simple paring knife and ice water (the ice water prevents discoloration of the vegetables as they cut them). If you'd like to try some of this "artwork" yourself, either to decorate a party platter, or just for fun, check out: How to Create Thai Chilli Flowers.
Thai Cutlery & Eating Style
Although the Chinese brought chopsticks to Thailand long ago, today most Thais prefer to use Western cutlery, though in their own special way. Thai cutlery generally consists of a fork and large spoon. The spoon is held in the right hand and used in place of a knife.
When eating, Thais do not combine various foods on their plates, but rather, they sample one dish at a time, always eaten with a mound of Thai fragrant rice on the side. Bowls are used mainly for soup, not in place of a plate (as in China).
Historical Background & Types of Dishes
The tastes of modern-day Thailand boast an ancient history. As early as the thirteenth-century, the Thai people had established what might be considered the heart of Siamese cuisine as we know it today: various types of meat and seafood combined with local vegetables, herbs and spices such as garlic and pepper, and served with rice. Later, the Chinese brought noodles to Thailand, as well as the introduction of the most important Thai cooking tool: the steel wok.
Thai cuisine is also heavily influenced by Indian spices and flavours, which is evident in its famous green, red, and yellow curries. However, it would be nearly impossible to confuse an Indian curry with one from Thailand. Although Thai curry incorporates many Indian spices in its pastes, it still manages to maintain its own unique flavour with the addition of local spices and ingredients, such as Thai holy basil, lemongrass, and galangal (Thai ginger).
Other influences on Thai cooking may be found in the countries near or surrounding Thailand, such as Vietnam, Cambodia, Indonesia, Laos, Burma, and Malaysia. Such plentiful and vast influences combine to create the complex taste of present-day Thai cooking—one of the fastest-growing and most popular of world cuisines today.
In the West, a “normal” restaurant meal consists of a starter followed by the main course and dessert, with each individual ordering only for him or herself. In Thailand, there is no such thing as a starter; neither is there any dish that belongs only to one person. As a general rule, Thai diners order the same number of dishes as people present; however, all dishes are shared and enjoyed together. For this reason, it is better to have many guests at the table rather than just one or two. In fact, many Thais believe that eating alone is bad luck.
After the meal is over, there is no such thing as dispensing with leftovers. Throwing food away enrages the Thai “god of rice”, a female deity who watches over the people, ensuring everyone has enough to eat. Bad luck or even widespread famine may then ensue.
A typical Thai meal includes four main seasonings: salty, sweet, sour, and spicy. Indeed, most Thai dishes are not considered satisfying unless they combine all four tastes. When eating out, a group of Thai diners would order a variety of meat and/or fish dishes, plus vegetables, a noodle dish, and possibly also soup. Dessert may consist simply of fresh fruit, such as pineapple, or something more exotic, such as colourful rice cakes, depending on the region. (For Thai main course recipes, see: Classic Thai Recipes. For Thai desserts, see: Thai Dessert Recipes.
Aside from meals, Thais are renowned “snackers”. It is easy to pick up a quick but delicious snack for mere pennies along the roadside or at marketplaces in Thailand. Popular snacks consist of spring rolls, chicken or beef satay, raw vegetables with a spicy dip, soups, salads, and sweets. (Recipes for these and more Thai snacks can be found at: Thai Soups, Salads, Snacks & Appetizers.
The formal presentation of food is another important aspect of Thai culture. Developed primarily in the palace to please the King of Siam, Thai food presentation is among the most exquisite in the world. Serving platters are decorated with all variety of carved vegetables and fruits into flowers and other pieces of beauty (see my Thai chili flower pictured above). Palace-style stir-fries include elegantly carved vegetables within the dish itself. For such artwork, Thai chefs use a simple paring knife and ice water (the ice water prevents discoloration of the vegetables as they cut them). If you'd like to try some of this "artwork" yourself, either to decorate a party platter, or just for fun, check out: How to Create Thai Chilli Flowers.
Thai Cutlery & Eating Style
Although the Chinese brought chopsticks to Thailand long ago, today most Thais prefer to use Western cutlery, though in their own special way. Thai cutlery generally consists of a fork and large spoon. The spoon is held in the right hand and used in place of a knife.
When eating, Thais do not combine various foods on their plates, but rather, they sample one dish at a time, always eaten with a mound of Thai fragrant rice on the side. Bowls are used mainly for soup, not in place of a plate (as in China).
Historical Background & Types of Dishes
The tastes of modern-day Thailand boast an ancient history. As early as the thirteenth-century, the Thai people had established what might be considered the heart of Siamese cuisine as we know it today: various types of meat and seafood combined with local vegetables, herbs and spices such as garlic and pepper, and served with rice. Later, the Chinese brought noodles to Thailand, as well as the introduction of the most important Thai cooking tool: the steel wok.
Thai cuisine is also heavily influenced by Indian spices and flavours, which is evident in its famous green, red, and yellow curries. However, it would be nearly impossible to confuse an Indian curry with one from Thailand. Although Thai curry incorporates many Indian spices in its pastes, it still manages to maintain its own unique flavour with the addition of local spices and ingredients, such as Thai holy basil, lemongrass, and galangal (Thai ginger).
Other influences on Thai cooking may be found in the countries near or surrounding Thailand, such as Vietnam, Cambodia, Indonesia, Laos, Burma, and Malaysia. Such plentiful and vast influences combine to create the complex taste of present-day Thai cooking—one of the fastest-growing and most popular of world cuisines today.
ป้ายกำกับ:
Thai food
Thai Essential Herbs and Spices
Herbs and Spices are an essential part of Thai cooking. Used in combination, they help achieve a balance of the four essential Thai tastes: salty, sour, spicy, and sweet.
Nearly every Thai recipe begins with a paste. While it is possible to buy ready-made Thai pastes (such as red, yellow, and green curry), these packaged spice mixes will not give you the same flavor and aroma—not to mention nutrients—as a paste made from scratch.
In the Thai kitchen, pastes were traditionally made using whole spices and herbs (some fresh, others dried) pounded together with a pestle & mortar. While many Thai chefs still prefer to use this method, a food processor is a convenient and adequate substitute.
Most Thai pastes start with shallots (or onions), garlic, and green or red chilies. Added to this may be a variety of other spices and herbs, including dried or fresh coriander, Thai chili powder, galangal, green peppercorns, lemongrass, and turmeric. Kaffir lime leaves are also a common ingredient, lending a uniquely Thai flavor to pastes or simmering dishes.
Lemongrass is used in various ways in Thai cooking. For some dishes, it is chopped and pounded, other times it is simply cut into long pieces and “bruised” (bent and kneaded or even lightly cut in several places) to release the scent and flavor for soups and curries.
Galangal is a relative of ginger, as is fresh turmeric. If you can't find galangal (it's usually purchased frozen at Asian food stores in North America), you can substitute ginger. These roots (actually rhizomes) add valuable nutrients and depth of flavor to many Thai dishes.
Finally, no Thai kitchen would be complete without a good supply of fresh basil. Thais make use of several types of basil in their cooking, included sweet basil, and Thai holy basil.
Nearly every Thai recipe begins with a paste. While it is possible to buy ready-made Thai pastes (such as red, yellow, and green curry), these packaged spice mixes will not give you the same flavor and aroma—not to mention nutrients—as a paste made from scratch.
In the Thai kitchen, pastes were traditionally made using whole spices and herbs (some fresh, others dried) pounded together with a pestle & mortar. While many Thai chefs still prefer to use this method, a food processor is a convenient and adequate substitute.
Most Thai pastes start with shallots (or onions), garlic, and green or red chilies. Added to this may be a variety of other spices and herbs, including dried or fresh coriander, Thai chili powder, galangal, green peppercorns, lemongrass, and turmeric. Kaffir lime leaves are also a common ingredient, lending a uniquely Thai flavor to pastes or simmering dishes.
Lemongrass is used in various ways in Thai cooking. For some dishes, it is chopped and pounded, other times it is simply cut into long pieces and “bruised” (bent and kneaded or even lightly cut in several places) to release the scent and flavor for soups and curries.
Galangal is a relative of ginger, as is fresh turmeric. If you can't find galangal (it's usually purchased frozen at Asian food stores in North America), you can substitute ginger. These roots (actually rhizomes) add valuable nutrients and depth of flavor to many Thai dishes.
Finally, no Thai kitchen would be complete without a good supply of fresh basil. Thais make use of several types of basil in their cooking, included sweet basil, and Thai holy basil.
ป้ายกำกับ:
Thai food
Subscribe to:
Posts (Atom)